Thursday, 28 March 2024

ผู้ว่าฯไทย-กัมพูชา ประชุมหารือ 3 จังหวัดชายแดน

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมด่านศุลกากรอรัญประเทศ ชั้น 2 ด่านผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ต.อรัญประเทศ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว มีการประชุมหารือข้อราชการแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทางด้าน จ.สระแก้ว กับ จ.บันเตียเมียนเจย และ จ.พระตะบอง โดยฝ่ายไทยมี นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ,นายณัฏฐชัย นำพูลสุขสันติ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ,หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จำนวนประมาณ 40 คน และฝ่ายกัมพูชา มี นายอุม เรียไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย , นายงอ เมงจรวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย , นายเกียต ฮุล ผู้ว่าการกรุงปอยเปต , พล.ท.ชุม เมา ผบ.ภท.5 สน.1 จ.บันเตียเมียนเจย , พล.ท.เปจ วรรณา หัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนกัมพูชา-ไทย , นายทู ตา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระตะบอง , พล.ต.ท.ซัต กึมซาน ผบก.ตร.จ.พระตะบอง , หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกัมพูชา จำนวนประมาณ 40 คน โดยมีเจ้าหน้าที่ด้านต่าง ๆ เข้าร่วมรับฟังและสังเกตการณ์ด้วย รวมทั้งหมดเกือบ 100 คน


ทั้งนี้ สำหรับการหารือข้อราชการที่สำคัญมีการหารือและถกเถียงกันในประเด็นปัญหาและความต้องการ 5 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1.มาตรการในการเดินทางเข้า-ออก ผ่านทางจุดผ่านแดนถาวร ,2.การเตรียมเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน-สตรึงบท อ.อรัญประเทศ และการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านโนนหมากมุ่น อ.โคกสูง , 3.การขนส่งสินค้าโดยพาหนะล้อเลื่อน(รถเข็น) ,4.การใช้บัตรอนุญาตผ่านแดนชั่วคราว และ 5.ความร่วมมือด้านแรงงาน โดยมีแรงงานชาวกัมพูชาที่เข้ามาถูกต้องใน จ.สระแก้ว อยู่ในปัจจุบัน จำนวน 13,423 คน เข้ามาทำงานภาคการเกษตร , การก่อสร้าง ,ร้านค้า เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อหารือทั้ง 5 ข้อ ที่ร่วมประชุมหารือดังกล่าวนั้น ทาง จ.สระแก้ว ,จ.บันเตียเมียนเจย และ จ.พระตะบอง เห็นชอบร่วมกัน ให้จัดตั้งคณะกรรมการเป็นคณะทำงานขึ้น 1 ชุด โดยให้ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 3 จังหวัด เป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อยกร่างข้อตกลงร่วมกันขึ้นมาทั้งหมด 5 ข้อ และจะได้นำข้อตกลงทั้ง 5 ข้อ นำเสนอไปยังทางกระทรวงมหาดไทยของทั้ง 2 ประเทศ จากนั้นจะได้นำข้อตกลงทั้ง 5 ข้อ มาประชุมหารืออีกครั้ง ที่ศาลากลางจังหวัดบันเตียเมียนเจย ในห้วงปลายเดือน ก.ค.65 นี้อีกครั้ง ซึ่งทางฝ่ายกัมพูชายังไม่ได้มีการกำหนดวันประชุม


ทางด้าน นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า สำหรับการเปิดพรมแดนไทย-กัมพูชา ทาง จ.สระแก้วทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา จะต้องมีการทำความเข้าใจกันก่อน ดังนั้นจึงจะต้องมีการพูดคุยกัน ไม่ว่าจะเป็นการข้ามชายแดนโดยการใช้รถยนต์ของบุคคล ซึ่งเป็นปัญหาที่จะต้องควบคุมดูแลเป็นพิเศษ ดังนั้น จ.สระแก้ว พร้อมด้วย จ.บันเตียเมียนเจย และ จ.พระตะบอง จึงได้ประชุมตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมี รองผู้ว่าฯ ทั้ง 3 จังหวัด เป็นประธาน สำหรับการพูดคุยถึงประเด็นต่าง ๆ ในการเปิดพรมแดน เพื่อจะได้นำเอาประเด็นและปัญหาต่าง ๆ มาเสนอนำต่อผู้ว่าฯ ทั้ง 3 จังหวัดในที่ประชุมใหญ่ ที่จะจัดขึ้นในปลายเดือนหน้า ซึ่งทั้ง 3 จังหวัด จะได้นำเอาข้อตกลงในที่ประชุมมาเป็นข้อตกลงหรือ MOU กัน สำหรับการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั้งสองประเทศ ได้เดินทางไปมาหาสู่กันตามปกติอีกครั้งหนึ่งและทำธุรกิจการค้ากันได้


อย่างไรก็ตาม นายปริญญา กล่าวอีกว่า ในส่วนของวันที่ 1 ก.ค.65 นั้น คงจะยังไม่อนุญาตให้รถเข็นล้อเลื่อนของประเทศกัมพูชา เดินทางข้ามชายแดนเข้ามาฝั่งประเทศไทยตามที่มีข่าวลือกันออกไป เนื่องจากจะต้องรอคณะทำงานที่ตั้งขึ้นดำเนินการของทั้ง 3 จังหวัด หาข้อสรุปกันก่อน ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาสักระยะหนึ่ง จึงจะสามารถอนุญาตให้รถเข็นล้อเลื่อนกัมพูชาข้ามมาฝั่งประเทศไทยได้ เพราะปัญหาต่าง ๆ ส่วนใหญ่อยู่ในฝั่งประเทศกัมพูชา ส่วนทางฝั่งประเทศไทยนั้นไม่มีปัญหาอะไร ขณะเดียวกัน ประเด็นหลักที่จะต้องเร่งดำเนินการก็คือ รถยนต์ส่วนบุคคลที่จะเดินทางเข้า-ออกประเทศ ,การขยายเวลาพำนักสำหรับผู้ที่ใช้เอกสารเดินทางบอร์ดเดอร์พาสจาก 3 วัน เป็น 7 วัน ของชาวกัมพูชา ,การเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศไทยของชาวกัมพูชา และการใช้รถเข็นบรรทุกสินค้าจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาฝั่งประเทศไทย โดยใช้แรงงานกัมพูชาเป็นผู้ลากจูงเข้ามาฝั่งไทยแบบรายวัน ซึ่งประเด็นทั้งหมดนี้ ทางคณะกรรมการจะได้เร่งประชุมพูดคุยกันภายในเดือนหน้า หากไม่มีปัญหาใด ๆ เกิดขึ้น ก็จะสามารถเปิดชายแดนได้เต็มร้อยเหมือนก่อนช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้ภายใน 1-2 เดือนนี้อย่างแน่นอน