Friday, 29 March 2024

สำรวจถ้ำวังพญานาค ถ้ำลึก 170 เมตร ในลาว

การลงไปในถ้ำแห่งนี้มีเพียงวิธีเดียวคือ “โรยตัว” ลงไป และ “ไต่ขึ้น”กลับมาปากถ้ำเท่านั้น โดยใช้เชือกที่ออกแบบมาสำหรับกิจกรรมนี้โดยเฉพาะ มีคุณสมบัติเหนียวทนทาน รับน้ำหนักได้หลายตัน
ฝึกฝนหลายครั้งก่อนลงไปสำรวจจริง
Z Team เป็นคนไทยกลุ่มแรกและเป็นกลุ่มที่สองของโลกที่ลงไปถึงด้านล่างของถ้ำลึก 170 เมตรแห่งนี้ ก่อนลงไปสำรวจ พวกเราได้ฝึกทบทวนการใช้อุปกรณ์และเทคนิคการโรยตัวลงและการไต่เชือกขึ้นกันหลายครั้งที่เมืองไทย เพื่อให้มั่นใจว่าทุกคนที่ประกอบไปด้วยหนุ่มสาวและสูงวัยใกล้หกสิบ รวม 15 คน จะพร้อมสำหรับภารกิจที่หนักหน่วงท้าทายอย่างยิ่งครั้งนี้ เนื่องจากเป็นถ้ำใหม่ที่ลึกมาก และยังไม่มีข้อมูลมากพอที่นักสำรวจจะมองภาพเพื่อรับมือไว้ก่อน จึงเจอปัญหาหน้างานหลายอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน แต่อาศัยประสบการณ์และการทำงานเป็นทีม มีสติพร้อมรับปัญหาฉุกเฉิน

อย่างไรก็ดี จากการศึกษาลักษณะทางภูมิศาสตร์ของถ้ำแห่งนี้ ซึ่งอยู่ในบริเวณของ “ภูผาม่าน” ทราบว่าเป็นหินปูนที่เป็นตะกอนจากการสะสมทับถมของซากสัตว์ทะเล เช่นปะการัง หอย ที่มีอายุยาวนานหลายล้านปี สันนิษฐานว่าบริเวณแห่งนี้ในอดีตเคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อน

Z Team

แต่ในวันที่กลุ่มคนไทยเดินทางไปนั้นเป็นการลงไปสำรวจในระยะเวลาไม่นาน และฝนตกหนักมาก จึงยังไม่สามารถสำรวจในถ้ำได้ละเอียด เพราะต้องระมัดระวังอันตรายที่คาดเดาได้ยากจากการลงไปในครั้งแรก จึงได้กลับขึ้นมาวางแผน เพื่อโอกาสหน้าจะได้ลงไปสำรวจได้ละเอียด และมีบทเรียนพร้อมรับมือได้ดีกว่าครั้งนี้

โรยตัวลงสู่ความลึกราวตึก 50 กว่าชั้น
พวกเราเริ่มยึดโยงเชือกหลายจุดกับต้นไม้ใหญ่บนปากถ้ำ เพื่อช่วยกระจายน้ำหนัก และเพิ่มความปลอดภัย ติดตั้งอุปกรณ์ตอน 8.30 น. เมื่อพร้อม 15 ชีวิต ทยอยโรยตัวลงไปครั้งละสองคน ใช้เวลาเฉลี่ยลงไป 20-30 นาทีสำหรับถ้ำแรก บางช่วงต้องเอาขาเกี่ยวกันไว้ ไม่ให้ตัวหมุนติ้วกลางอากาศ การโรยตัวลงตามแรงโน้มถ่วงโลกทำได้ง่ายกว่าการต้านแรงโน้มถ่วงไต่เชือกกลับขึ้นมา แต่กระนั้นก็ตามต้องทำอย่างระมัดระวังมาก เพราะปากถ้ำเต็มไปด้วยก้อนหิน บางครั้งมีก้อนหินจากด้านบนหล่นลงไปที่ก้นถ้ำ ต้องร้องตะโกนเสียงหลงเตือนคนที่ลงไปถึงก้นถ้ำก่อนให้หาที่กำบัง “ระวัง หิน หิน หิน!” เสียงก้อนหินที่ตกถึงพื้น และ

Z Team

แตกกระจายดังก้องน่ากลัว จากนั้นคนบนปากถ้ำต้องใช้วิทยุสื่อสารสอบถามคนที่อยู่ก้นถ้ำว่าเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อลงไปถึงด้านล่าง มองขึ้นมาเหมือนปล่องไฟยักษ์ที่มีแสงสว่างเจิดจ้าเป็นลำรัศมีอยู่ด้านบน
ช่วงเวลายาวนานที่ก้นถ้ำ
คนที่ลงไปถึงก้นถ้ำก่อนก็ต้องร้องเพลงรอ เพราะกว่าจะโรยตัวลงมาได้ครบทุกคน ก็บ่ายคล้อยแล้ว อากาศที่นั่นไม่อับทึบ หายใจได้สะดวก ระหว่างรออยู่ที่ก้นถ้ำ มีช่วงที่ธรรมชาติเพรียกหา สุขาอยู่หนใด นักผจญภัยทั้งหญิงชายต้องหลบทำกิจหลังโขดหิน โดยคอยบอกเพื่อน ๆ ให้หันไปทางอื่น ส่วนใครที่ปวดหนัก ก็ต้องสะกดกลั้นทนไปจนกว่าจะกลับขึ้นไปบนปากถ้ำ ก็หลายชั่วโมงอยู่ จึงได้บทเรียนไว้ว่า หากใครจะลงไปที่ถ้ำนี้ ควรเตรียมอุปกรณ์กรณีมีความจำเป็นหนักหน่วงไปด้วยไต่เชือกขึ้น ช่วงเวลาโหดหินที่สุดจนเกือบถอดใจ
ที่ลำบากยากเย็นแสนเข็ญคือตอนไต่เชือกขึ้นมา หลังติดตั้งอุปกรณ์ไต่ขึ้นและอุปกรณ์ความปลอดภัยกับเชือก ค่อย ๆ ใช้พลังร่างกาย กล้ามเนื้อแขน มือ ไหล่ ขา เท้า ช่วยดึง ยัน ถีบตัวให้ขึ้นไปทีละนิด ๆ ความเหนื่อยหนักหนาสาหัสถึงขั้นเกือบถอดใจหลายครั้ง แต่ต้องไปต่อ เพราะถ้าไม่ไต่เชือกขึ้น ก็ไม่มีทางอื่นกลับขึ้นมาได้ ต้องปลุกปลอบใจตัวเอง เหงื่อกาฬไหลโชก ชีพจรเต้นเร็วรัวจากการใช้พลังสุดแรงเกิดในการไต่ขึ้น จนต้องหยุดพัก ห้อยต่องแต่งกลางอากาศกันเป็นระยะๆ เพื่อให้กล้ามเนื้อที่เหนื่อยล้าได้ฟื้นตัว ระยะเวลาในการไต่เชือกขึ้นราว 50 นาที ถึงชั่วโมงกว่า ๆ ตามศักยภาพร่างกายของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน รวมถึงประสบการณ์ในการปีนขึ้นด้วย

ภาพสเก็ตถ้ำทั้งสองแห่ง

คนสุดท้ายที่ปีนกลับขึ้นมาปากถ้ำตอนตีสอง เสียงไชโยโห่ร้องกับภารกิจทรหดหนักหน่วงที่ผ่านพ้นไปด้วยดี ทุกคนปลอดภัย และได้บทเรียนหลายอย่างมาอุดช่องโหว่ และรับมือ สำหรับการลงไปสำรวจครั้งต่อไป
การโรยตัว ภาษาอังกฤษบริติชเรียกว่า Abseiling ส่วนอเมริกันใช้คำว่า Rappelling เป็นที่นิยมจากกลุ่มคนที่ชอบกิจกรรมทรหดผจญภัยมากขึ้น รวมทั้งเป็นอาชีพในเมืองใหญ่ที่มีตึกสูง

ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที โรยตัวลงจากปากถ้ำแรกที่ลึก 90 เมตร ลงไปถึงก้นถ้ำ
Z Team
ไฟฉายคาดหัวเป็นสิ่งจำเป็นช่วยการมองเห็นในถ้ำลึก